ในอดีต หากพูดถึง “การปลูกผม” หลายคนมักจะนึกถึงการผ่าตัด เจ็บตัว และแผลเป็นยาวหลังหัว บางคนกลัวถึงขั้นถอดใจ เพราะรู้สึกว่าแลกความมั่นใจกับความเจ็บมันไม่คุ้มกัน แต่ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา มีเทคนิคหนึ่งที่ถูกพูดถึงเยอะมากในวงการศัลยกรรมผม นั่นคือ เทคนิค DHI หรือ Direct Hair Implantation
เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นน้อย ไม่ทำให้เกิดความน่ากลัว และผลลัพธ์ “ดูธรรมชาติแบบที่ไม่มีใครรู้ว่าปลูกมา” บทความนี้ Pavicon Hair Center จะพาคุณมาไขข้อสงสัยว่า ทำไมเทคนิค DHI ถึงกลายเป็นทางเลือกที่หลายคนไว้ใจ และนิยมใช้มากในปี 2025 นี้
เทคนิคการปลูกผม ก่อนจะมีเทคนิค DHI?
ก่อนปี 2015 วิธีการปลูกผมส่วนใหญ่จะมีอยู่สองเทคนิคหลัก ๆ คือ
- FUT (Follicular Unit Transplantation)
-เป็นวิธีการ “ผ่าตัดหนังศีรษะ” ด้านหลังออกมาเป็นแถบ แล้วนำชิ้นเนื้อไปแยกรากผม
-จากนั้นจึงนำมาปลูกใหม่ในบริเวณที่ผมบาง
-ข้อดีคือได้ปริมาณกราฟต์เยอะในเวลาอันสั้น
-แต่ข้อเสียคือ มีแผลเป็น ยาวด้านหลัง, เจ็บหลังผ่าค่อนข้างมาก และพักฟื้นนาน - FUE (Follicular Unit Extraction)
-เป็นการใช้เครื่องมือเจาะกราฟต์ผมออกมาทีละราก โดยไม่ต้องผ่าตัดหนังศีรษะ
-แผลเล็ก ฟื้นตัวไวกว่า FUT และเป็นเทคนิคที่ยังคงใช้มาถึงปัจจุบัน
-การปลูกผมในเทคนิคนี้จะใช้เข็ม และ Forceps ในการปลูก ซึ่งควบคุมความลึก และแนวทิศทางได้ยาก
เทคนิค FUE จึงกลายเป็น “บรรทัดฐานใหม่” ของการปลูกผม แต่ก็ยังมีจุดที่พัฒนาได้อีกเยอะ การปลูกด้วยเทคนิค DHI จึงได้เข้ามาเติมเต็มตรงนี้
การปลูกผม เทคนิค DHI คืออะไร?
DHI หรือ Direct Hair Implantation
เป็นเทคนิคที่ต่อยอดจาก FUE แต่เน้นความแม่นยำในการ “ฝังรากผม” มากกว่า จุดเด่นอยู่ที่การใช้อุปกรณ์ในการนำปลูกเฉพาะ ที่เรียกว่า Implanter Pen หน้าตาเหมือนปากกา ที่ภายในบรรจุกราฟต์ผมไว้ เมื่อแพทย์กดปลายปากกาลงไปบนหนังศีรษะ กราฟต์ผมจะถูกฝังลงไปในระดับความลึกที่แม่นยำ พร้อมควบคุมทิศทางแนวผมได้แบบเป๊ะ
ซึ่งทั้งหมดนี้ทำในขั้นตอนเดียว
ทำไมคนถึงนิยม DHI กันมากในปี 2025?
1.ผลลัพธ์ดูธรรมชาติมาก
ด้วยปากกานำปลูก Implanter ทำให้แพทย์สามารถควบคุม “ทิศทาง, ความลึก, และปลูกได้อย่างหนาแน่น” แนวผมที่ได้จึงดูเป็นธรรมชาติ กลมกลืนไปกับผมเดิม โดยเฉพาะบริเวณไรผมด้านหน้า ซึ่งเป็นจุดที่คนมักสังเกตเห็นก่อนเสมอ
2.แผลเล็ก เจ็บน้อย พักฟื้นไว
เพราะใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กมาก ไม่มีการกรีดหนังศีรษะ ทำให้คนไข้ส่วนใหญ่เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว
หลังทำสามารถใช้ชีวิตได้เลยทันที
3.ปลูกได้แม้ในบริเวณที่ผมยังมีอยู่
เทคนิค DHI ช่วยให้แพทย์สามารถปลูกแทรกผมในพื้นที่ที่ยังมีผมอยู่บางส่วนได้
โดยไม่ต้องโกน ทำให้เหมาะกับเคสที่ไม่ล้านหมด แต่ต้องการความหนาแน่นที่ดีขึ้น และเหมาะสำหรับเคสที่ต้องการจะปลูกผมในรอบที่ 2 หรือปลูกแก้
4.ลดความเสี่ยงต่อกราฟต์ที่จะเสียหาย
ในเทคนิคนี้ สามารถปลูกได้อย่างรวดเร็ว จึงลดระยะเวลาที่กราฟต์ผมอยู่นอกร่างกาย → เพิ่มโอกาสการรอดของรากผม ผลที่ได้คือ ผมขึ้นดี และแข็งแรง หนาเเน่นเป็นธรรมชาติมาขึ้น
ขั้นตอนของการปลูกผมแบบ DHI เป็นอย่างไร?
- ประเมินปัญหา และออกแบบแนวไรผม
แพทย์จะทำการวิเคราะห์ปัญหา และทำการออกแบบแนวไรผมให้เหมาะกับรูปหน้า และความต้องการ ของแต่ละคน จุดนี้สำคัญ เพราะถ้าออกแบบแนวผมพลาด จะทำให้ดูไม่ธรรมชาติ - ตัดโกนผมเฉพาะบริเวณที่จะเก็บกราฟต์
ผู้ช่วยแพทย์จะทำการตัดแต่งทรงผมในบริเวณที่จะเจาะเอากราฟต์ผมที่แข็งแรงที่สุด เพื่อที่จะ นำมาปลูก โดยปกติจะอยู่ที่ด้านหลังศีรษะ (Donor Area) - เก็บรากผม
แพทย์จะทำการใช้หัวเจาะขนาดเล็กพิเศษ เจาะเอารากผมทีละกราฟต์ออกมา - ตัดแต่งรากผม & บรรจุเข้า Implanter Pen
ผู้ช่วยแพทย์จะทำการตัดแต่งชิ้นเนื้อ บริเวณรากผม หรือที่เรียกว่า การทริมกราฟต์ และนำรากผมใส่เข้าไปในอุปกร Implanter Pen
5.ปลูก
แพทย์จะใช้อุปกรณ์ Implanter ในการปลูก หรือฝังกราฟต์ลงไปในบริเวณที่ต้องการ สามารถควบคุมความลึก และทิศทาง ให้เหมาะกับแนวผมเดิมของคนไข้
ผลลัพธ์ที่ได้จากเทคนิค DHI
- แนวผมที่ดูธรรมชาติจนแทบแยกไม่ออกว่าเคยบางมาก่อน
- ผมเริ่มขึ้นชัดในช่วงเดือนที่ 3–4
- เห็นผลเต็มที่ในช่วง 9–12 เดือน
- แผลมีขนาดเล็กมาก ไร้ความกังวล
- อัตราการรอดของกราฟต์สูงมาก
- ผลลัพธ์สวยเป็นธรรมชาติ
เทคนิคนี้เหมาะกับใครบ้าง?
- ผู้ชายที่มีปัญหาผมบาง/เถิก แต่ไม่อยากโกนทั้งหัว
- ผู้หญิงที่มีผมบางบางบริเวณ เช่น กลางศีรษะหรือด้านหน้า
- คนที่เคยปลูกผม แต่ต้องการที่จะปลูกแก้ หรือเติมแนวผมให้ดกดำมากยิ่งขึ้น
- คนที่ต้องการปรับรูปหน้า ปรับแนวไรผมให้คมชัด มากยิ่งขึ้น
- เหมาะกับทุกคนที่ต้องการปลูกผม
สรุป: ทำไมเทคนิค DHI ถึงมาแรงในปัจจุบัน
DHI ไม่ใช่เทคนิควิเศษที่ทำให้ผมขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เป็นการยกระดับการปลูกผมให้ แม่นยำ ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความเข้าใจคนไข้ที่ไม่อยากเจ็บ ไม่อยากโป๊ะ ไม่อยากเสียเวลา และที่สำคัญ มันไม่ใช่เทคนิคที่ใครก็ทำได้ ต้องปลูกโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะด้านเท่านั้น เพราะแม้เครื่องมือจะล้ำแค่ไหน แต่ถ้า “ฝีมือ” ไม่ถึง ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างจากเทคนิคทั่วไป
📌 สนใจปรึกษาปลูกผม สามารถเข้ารับคำปรึกษากับแพทย์เฉพาะทางโดยตรง เพื่อประเมินแนวผม และเลือกเทคนิคที่เหมาะกับคุณ
🔻𝐏𝐀𝐕𝐈𝐂𝐎𝐍 𝐇𝐀𝐈𝐑 𝐂𝐄𝐍𝐓𝐄𝐑🔻
สอบถามเพิ่มเติม 𝐈𝐍𝐁𝐎𝐗 หรือ ☎️
𝐓𝐄𝐋: 080-749-5645
💜𝐋𝐈𝐍𝐄: @dr.nay : คลิก
💜𝐅𝐀𝐂𝐄𝐁𝐎𝐎𝐊 : คลิก
#ปลูกผมถาวร #ปลูกผม #คลินิกปลูกผม #รีวิวปลูกผม #หัวล้าน #PaviconHairCenter